Blog

ในวันหนึ่งที่บ้านของผมจัดงานรวมญาติขึ้น ผู้คนมากมายที่ผมไม่เคยเจอก็แวะเวียนมาบ้านผม แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือการที่ครอบครัวของผมจัดโต๊ะและวางอาหารเป็นของไหว้ไว้หน้าบ้านตอนเย็นก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเข้านอน ซึ่งในครั้งนั้นพ่อแม่ก็คุยกับแขกว่าจะเพิ่มการผูกไก่เป็น ๆ ไว้กับโต๊ะอาหารด้วยตามคำขอจากปีก่อน ๆ ผมถามด้วยความสงสัยว่าทำไมต้องผูกไก่ พ่อแค่ตอบเบา ๆ ว่า "เพื่อให้ของไหว้สมบูรณ์" ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ด้วยความเคารพตามประเพณี ผมไม่ได้ถามต่อ หลังจากจัดเตรียมอาหารต่าง ๆ ไว้บนโต๊ะไหว้ที่ตั้งอยู่กลางลานหน้าบ้าน ครอบครัวก็เรียกผมไปเข้านอน แม่กำชับว่า "อย่าออกไปข้างนอกตอนกลางคืน และไม่ต้องไปดูของไหว้ เข้าใจไหม?" ผมพยักหน้า แต่ลึก ๆ ในใจ ความอยากรู้ยังคงเดือดพล่าน เมื่อเข้านอนในห้องเล็ก ๆ…

เรื่องเล่าของเราในวันนี้จะขอกล่าวถึงเรื่องผีที่เกิดขึ้นในยุคประมาณไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เองโดยผู้เล่าที่ขอสมมุติชื่อเหมือนเดิมว่า “คุณเอ” ได้เล่าให้ฟังว่า ในสมัยนั้นเขาเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย ซึ่งยุคดังกล่าวมักจะมีความนิยมในการใช้โปรแกรมแชทหาคู่หรือหาเพื่อนคุยกันผ่านโลกแห่งอินเตอร์เน็ต ด้วยคอมพิวเตอร์ในยุคก่อนการมาถึงของโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนทุกวันนี้ คุณเอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่นิยมชมชอบกับการเข้าไปหาเพื่อนโดยเฉพาะสาว ๆ ที่หน้าตาน่ารักพูดคุยกันผ่านระบบโซเชียล ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นระบบที่อย่างมากก็มีการโพสต์รูปภาพนิ่งผู้ที่เรากำลังคุยด้วยเอาไว้ พร้อมกับแนะนำข้อมูลเบื้องต้นว่าเขาเป็นใคร จากนั้นก็ต้องพิมพ์คุยกันตามตัวอักษร ซึ่งคุณเอก็บังเอิญไปเจอสาวคนหนึ่งชื่อว่า “บี” น้องบีเธอเรียนอยู่ในโรงเรียนในเขตเมืองเดียวกันกับคุณเอ พวกเขาพูดคุยกันจนถูกคอเรียกได้ว่าสนิทกันจนคุณเอคิดว่าต้องการจะขอคุณบีมาเป็นแฟน แต่เมื่อคุณเอต้องการขอนัดพบพูดคุยกันแบบเจอหน้าตัวจริงคนดีก็มักจะหมายถึงและปฏิเสธอยู่เสมอ นานวันเข้าก็เลยสร้างความแปลกใจให้กับคุณเอเป็นอย่างมาก จนตัดสินใจงดการพูดคุยผ่านระบบโซเชียลกับคุณบีไปสักพัก ด้วยความโกรธที่คุณบีไม่ยอมให้เจอตัวจริง จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้มีโอกาสเดินทางผ่านไปบริเวณหน้าโรงเรียนของคุณบีในช่วงเลิกเรียนและเหลือบไปถึงหญิงสาวในรูปที่เขาคุยด้วยอยู่พักใหญ่นั่นก็คือคุณบีนั้นเอง เขาตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายพูดคุยแต่แล้วเขาก็ได้พบความจริงว่าหญิงสาวคนนั้นเธอปฏิเสธว่าไม่ใช่คุณบีแต่เธอชื่อ “คุณซี” ต่างหาก ส่วนคุณบีที่เขารู้จักนั้นเพื่อน ๆ ในโรงเรียนให้ข้อมูลกับเขาว่าคุณบีแท้จริงแล้วก็เคยเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันนี่เอง หากแต่เธอหน้าตาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่และมาขอใช้รูปคุณซีไปพูดคุยกับหนุ่มในระบบโซเชียลอยู่บ่อยๆ ต่อมาก็เกิดปัญหาขึ้นเพราะคุณบีเอารูปของคุณซีไปหลอกคนหลายคน บางก็หลอกเอาเงินทอง…

โดยตำนาน “สาวปากฉีก” ถือเป็นอีกตำนานเรื่องผีในยุคสมัยใหม่ยอดฮิตเช่นเดียวกับเรื่อง “ฮานาโกะ” ที่เราเคยได้นำเสนอมาแล้ว หากแต่เรื่องราวของ “สาวปากฉีก” จะแตกต่างออกไป เพราะเธอจะปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่สวมผ้าปิดปากเอาไว้ มันไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงในโรงเรียนเพียงเท่านั้น ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่ามีสาวนางหนึ่งรูปร่างสวยงามใบหน้าน่ารักราวกับนางฟ้า แต่ด้วยความสวยที่มากเกินไปของเธอนี่เองทำให้สามีของเธอแสนจะหวงแหนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งเธอถูกสามีเข้าใจผิดว่าคบชู้สู่ชายด้วยความหึงหวงสามีของเธอจึงได้ใช้ดาบตัดปากแหกกว้างจนถึงใบหูอันเป็นสาเหตุให้เธอเลือดออกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้วยคำพูดสุดท้ายที่ผู้เป็นสามีได้พูดกับเธอนั้นคือคำว่า “ในตอนนี้เธอคิดว่าใครจะมองว่าเธอสวยบ้างไหมล่ะ” และเพราะคำพูดคำนี้เองมันจึงทำให้เธอกลายมาเป็นผีที่มีความอาฆาตแค้นและผูกพันกับเรื่องความสวยงามของใบหน้า นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาวิญญาณตนนี้ก็มักจะปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ มากมาย ตามเส้นทางสาธารณะต่าง ๆ โดยผีสาวตัวนี้จะปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของหญิงสาวเหมือนคนธรรมดา หากแต่จะสวมแมสปิดปากเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นปากและใบหน้าทั้งหมด เห็นแต่เพียงโครงหน้าของเธอ และเธอก็มักจะถามผู้ที่พบเห็นว่า “ฉันสวยไหม” หากผู้ที่เจอดันไปตอบเธอว่า “สวย” วิญญาณหญิงสาวดังกล่าวก็จะดึงผ้าปิดปากออกโชว์ให้เห็นปากที่ถูกดาบฟันฉีกไปจนถึงใบหูและถามอีกครั้งว่า “แบบนี้ล่ะยังสวยอีกไหมไ…

เรื่องราวของเราในวันนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทหญิงสาว 2 คน ที่คบกันตั้งแต่วัยเรียนจนมาถึงวัยทำงานก็ได้บังเอิญมาทำงานในที่เดียวกัน โดยคุณเอได้พบรักกับชายหนุ่มแสนดีคนหนึ่ง เลยได้คบหาดูใจกันมานานพอสมควร โดยเรื่องราวดังกล่าวก็อยู่ในสายตาของคุณบีเพื่อสนิทของเธอมาโดยตลอด จนกระทั่งคุณเอและแฟนหนุ่มได้ประกาศแต่งงานกัน ซึ่งเรื่องราวก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ดีเพราะในแต่ละวันที่พบเจอกันในที่ทำงาน สาวเอต่างก็มีแต่เรื่องเล่ามากมายระหว่างเธอกับคนรัก ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันมาเล่าสู่กันฟังให้กับคุณบีเพื่อนของเธออยู่เสมอ หากแต่แล้วคำว่าความสุขมักจะอยู่กับเราไม่ได้นานนั้นดูเหมือนจะเป็นความจริง เพราะอยู่มาวันหนึ่งเพื่อน ๆ ก็ได้ทราบข่าวว่าสามีของคุณบีเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนจนเสียชีวิตไปในที่สุด นับแต่วันนั้นคุณเอก็จมอยู่ในอาการโศกเศร้ารวมทั้งไม่ยอมมาทำงาน แม้ว่าทางบริษัทและหัวหน้างานจะเห็นใจ แต่เมื่อเธอหยุดงานอยู่บ้านนานเป็นเดือนขนาดนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ต้องสอบถามข่าวคราวกันบ้างว่าตกลงแล้วจะมาทำงานไหม ซึ่งคุณบีไม่ทราบว่าด้วยความเป็นห่วงจึงโทรหาคุณเอได้รับคำตอบแทนว่าเธอสบายดี และกำลังอยู่ดีมีสุขกับสามีของเธอ เธอคงไม่กลับไปทำงานอีกแล้ว ได้ฟังคำตอบดังกล่าวคุณบีก็ยิ่งตกใจเพราะเธอมั่นใจว่าสามีของคุณเอนั้นเสียชีวิตอย่างแน่นอนเนื่องจากเธอได้เคยไปร่วมงานศพมาด้วยแล้วนั่นเอง ด้วยเธอนั้นคิดว่าคุณเอน่าจะเสียใจจนจิตใจกระทบกระเทือนจนจินตนาการไปเองว่าสามีของเธอยังอยู่ เพราะแบบนั้นคุณบีจึงตัดสินใจไปหาคุณเอถึงบ้าน คุณเอได้เปิดประตูมาต้อนรับคุณพี่พร้อมกับพาเดินไปนั่งพูดคุยกันที่ห้องนั่งเล่น โดยคุณเอหน้าตายิ้มแย้มพูดคุยอย่างมีความสุขเล่าเรื่องของเธอกับสามีให้คุณบีฟังเสมือนหนึ่งว่าสามีของเธอยังไม่เสียไป จากนั้นเชิญคุณบีไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเพื่อทานข้าวด้วยกัน บอกว่าจะไปเรียกสามีของเธอมา ทันใดนั้นเอง ร่างที่เหมือนกับซากศพเดินได้ค่อย…