ไรเดอร์สยองโยนของผมทิ้งทำไม

ย้อนกลับไปในอดีตตามสถิติที่เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ในรายการเล่าเรื่องผีรายการหนึ่ง ซึ่งพิธีกรผู้จัดรายการได้บอกเอาไว้ว่าทางสถิติเดิมผู้ที่มักจะมีโอกาสพบเจอผีและวิญญาณมากที่สุดนั่นก็คือผู้ทำหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืน หากแต่ในปัจจุบันด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปกลุ่มผู้ที่มักจะพบเจอเรื่องราวสยองขวัญมากที่สุดกลับกลายเป็น “ไรเดอร์” ส่งอาหารที่เราเห็นวิ่งกันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง โดยเรื่องราวของเราวันนี้จะกล่าวถึงพี่ไรเดอร์ท่านหนึ่งที่ขับขี่ส่งอาหารในจังหวัดหนึ่งแถบบริเวณภาคเหนือ เขาได้เล่าให้ฟังว่าในเช้าของวันหนึ่งได้กดรับงานส่งอาหารไปยังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งโดยปกติมักจะมีไรเดอร์ท่านอื่นรับไปส่งอาหารอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว หากแต่ในวันดังกล่าวดูเหมือนไรเดอร์ท่านนั้นจะมีเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้ไม่สามารถไปส่งอาหารในบ้านหลังดังกล่าวได้ ด้วยเหตุนี้เอง พี่ไรเดอร์ผู้เป็นเจ้าของเรื่องเล่าจึงได้โชคดีมาประสบพบเจอเรื่องราวสยองขวัญเรื่องนี้แทน โดยพี่ไรเดอร์ได้ได้ขับรถไปส่งอาหารในบ้านดังกล่าวในช่วงเช้าประมาณ 7-8 โมงเช้า ของวัน โดยหลังจากกดกริ่งเรียกอยู่ที่หน้าประตูรั้วของบ้านเดี่ยวขนาด 2 ชั้น หลังหนึ่ง ก็มีคุณลุงวัยสูงอายุท่านหนึ่ง  เดินเข้ามารับของ และพี่ไรเดอร์ก็ได้ยื่นถุงอาหารดังกล่าวข้ามรั้วที่ไม่สูงมากนักไปให้คุณลุงคนนั้นรับถุงอาหารจากนั้นก็ขับรถจากมา หากแต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อภายหลังจากการส่งอาหารในวันนั้นได้มีลูกค้าต่อว่ามาในระบบรับส่งอาหารของพี่ไรเดอร์ท่านนั้น โดยลูกค้าได้บอกมาว่าทางพี่ไรเดอร์ได้นำอาหารที่สั่งไปส่งโยนทิ้งแตกกระจายอยู่ในพื้นบ้านของลูกค้า พี่ไรเดอร์ผู้โชคดีเมื่อเห็นเรื่องดังกล่าวจึงได้ตัดสินใจติดต่อกลับไปยังเจ้าของบ้านหลังนั้น รวมทั้งได้เดินทางไปพบเจ้าของบ้านด้วยตนเอง ซึ่งในตอนแรกเจ้าของบ้านเมื่อพบเจอหน้าก็ได้ทำการต่อว่าอย่างรุนแรงว่าคุณส่งอาหารด้วยการยื่นถุงอาหารมาทิ้งลงพื้นได้อย่างไร ทำให้ขวดนมที่เป็นขวดแก้วแตกกระจายเต็มพื้นปูนลานจอดรถของเขา ซึ่งพี่ไรเดอร์ก็ได้ทำการยืนยันว่ามีคุณลุงท่านหนึ่งเดินไปรับสินค้าและเขาก็ได้ส่งสินค้าให้กับมือของคุณลุงท่านนั้น พอลูกค้าได้ยินคำกล่าวแบบนั้นก็ทำท่าอึ้งไปพักใหญ่และรีบพาพี่ไรเดอร์เดินเข้าไปดูรูปหนึ่งที่ติดไว้ตรงฝาผนังในบ้าน…

0 Comments

วิญญาณและความรักที่จากไป

อันว่าเรื่องราวลึกลับชวนสยองเกี่ยวกับเรื่องภูตผีและวิญญาณนั้น มักจะมีเรื่องเล่ามาให้เราได้หวาดกลัวกันไม่หยุด และบ่อยครั้งมากที่มันมักจะมาพร้อมกับตำนานความรักที่ไม่สมหวัง อาทิ หนึ่งในตำนานที่ฮิตกันมากที่สุดนั่นก็คือตำนานแม่นาคพระโขนง หรือตำนานห้องสีชมพู ที่กล่าวถึงความรักของผู้หญิงที่มีต่อชายหนุ่ม โดยในบทความนี้เราจะขอนำอีกหนึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ภูตผีวิญญาณ ที่เกี่ยวข้องกับตำนานความรักในยุคสมัยใหม่ไม่นานมานี้มาให้ท่านได้อ่าน และได้รับความสยดสยองกัน เรื่องราวเริ่มต้นที่มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งได้มาประสบพบรักกัน และได้ร่วมผูกสัมพันธ์จนกำลังจะมีการวางแผนจะแต่งงานกันอยู่ในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ แต่แล้วความรักของทั้งคู่ก็ต้องมาสะดุดหยุดลงเมื่อครอบครัวของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะครอบครัวของท่านฝ่ายหญิง ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ดังกล่าว และสั่งให้ฝ่ายหญิงทำการเลิกคบหาดูใจกับฝ่ายชายที่เธอรัก หญิงสาวทำได้เพียงนั่งร้องไห้ด้วยความทุกข์อยู่ในห้องคอนโดมิเนียมของตนเอง ส่วนฝ่ายชายก็ได้ถอยห่างออกไปชั่วคราวเพื่อให้ทั้งสองได้มีเวลาขบคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับความรักของเขาทั้งสองในตอนนี้ จนเวลาต่อมาฝ่ายชายก็ได้กลับเข้ามาหาหญิงสาวที่ห้องพัก ซึ่งในคืนนั้นทั้งสองได้ทำการปรับความเข้าใจกัน จากนั้นพวกเขาก็ได้มีความสัมพันธ์ทางกายบอกรักกันอยู่ทั้งคืนก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและจิตใจ โดยที่ฝ่ายชายไม่เคยนึกฝันว่าเมื่อตื่นขึ้นมาภาพความฝันที่เขาได้อยู่กับหญิงสาวคนรักนั้นจะพังทะลายลง จากที่เล่ามาท่านผู้อ่านอาจจะบอกว่ามันก็ดูเป็นเรื่องราวความรักดราม่าระหว่างชายหญิงไม่ใช่เหรอ และมันก็สมควรจะเป็นเช่นนั้นหากว่าไม่ใช่เพราะในเช้าของวันต่อมา ฝ่ายชายได้ตื่นขึ้นบนเตียงนอนอันว่างเปล่าปราศจากฝ่ายหญิงที่นอนกอดกายกันอยู่ทั้งคืน เขาเดินงัวเงียเข้าไปเพื่อจะล้างหน้าในห้องน้ำก่อนที่จะเห็นภาพอันแสนสะเทือนใจเมื่อมีร่างของหญิงสาวคนรักผูกคอตายอยู่ในห้องน้ำ และความสยดสยองก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อในเวลาต่อมาจากผลการชันสูตรศพของเจ้าหน้าที่มีการยืนยันว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวร้ายดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลาหลายวัน ทิ้งไว้เพียงปริศนาให้ฝ่ายชายต้องคิดต่อไปว่าแล้วเมื่อคืนดังกล่าวเขามันได้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ และนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่จะถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับผู้ที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อไปนั้นเอง

0 Comments

ตำนานซอมบี้ผู้น่าสงสารต้องถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส

สำหรับเล่าสาวก เรื่องเล่าสยองขวัญ หรือเรื่องผี และรวมทั้งผู้ที่ชอบชมภาพยนตร์ก็น่าจะรู้จักกันดีถึงผีหรือปีศาจชนิดหนึ่ง ซึ่งถือเป็นไอคอนยอดนิยมในยุคปัจจุบันนี้นั่นก็คือ “ซอมบี้” ลักษณะโดยรวมของมันนั่นก็คือเป็นร่างกายของผู้ที่ตายไปแล้ว ทั่วร่างมีอาการเน่าเสื่อมสภาพ หากแต่ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้ ในยุคหลังเมื่อถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ก็มักจะแต่งเติมว่ามันกระะหายในเลือดเนื้อของมนุษย์คนที่ยังมีชีวิตอยู่ และหากใครถูกมันกัดเข้าก็จะติดเชื้อและทำให้กลายเป็นซอมบี้ เหมือนพวกมันในที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ตำนาน ซอมบี้ มันมีอะไรมากกว่านั้น และบางทีหากท่านผู้อ่านได้รับทราบเรื่องราวที่มาของซอมบี้แล้วก็อาจจะเกิดความสงสารพวกเขาก็เป็นได้ โดยเรื่องเล่าเกี่ยวกับซอมบี้นั้นว่ากันว่าเกิดขึ้นจาก “ลัทธิวูดู” ของชาวเฮติ ในช่วงเวลาสมัยยุคโบราณที่ยังมีการค้าทาสอยู่ในโลกนี้ ประเทศมหาอำนาจในยุคสมัยนั้นหลายประเทศนอกจากจะออกล่าอาณานิคมแล้วยังมักจะจับมนุษย์ด้วยกันเองแต่ต่างเผ่าพันธุ์มาเป็นทาสรับใช้ให้กับตนเอง โดยกลุ่มที่มักจะถูกจับมากที่สุดคือกลุ่มชาติจากชาวแอฟริกา ที่ถูกจับและนำมาใช้เป็นแรงงานทาส และเรื่องราวก็เกิดจากอาณานิคมแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศสที่ได้มีการจับเอาชาวแอฟริกามาใช้งานเช่นเดียวกัน และลัทธิวูดูก็ได้แพร่หลายในหมู่ทาส…

0 Comments

ผีทหารญี่ปุ่นที่สะพานรถไฟหาดใหญ่

สำหรับเรื่องเล่าสยองขวัญของเราในบทความนี้จะขอย้อนกลับไปเล่าถึงสมัย ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคแห่งความสูญเสียด้วยภัยสงครามอันโหดร้ายทารุณ โดยหากจะพูดถึงการต่อสู้ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นในช่วงแรกที่ยังไม่มีการประกาศเป็นพันธมิตรและยินยอมให้ญี่ปุ่นผ่านทางประเทศไทยไปนั้น คนส่วนใหญ่จะทราบกันดีถึงตำนานยุวชนทหาร ซึ่งได้ทำการเข้าต่อสู้ป้องกันการลุกล้ำอธิปไตยที่จังหวัดชุมพรในช่วงวันที่ 8 ธันวาคมพ.ศ 2485 กันดี อย่างไรก็ตาม ในความจริงแล้วนั้นทางกองทัพเรือญี่ปุ่นได้ส่งทหารยกพลขึ้นบกในหลายพื้นที่ซึ่งติดกับชายทะเลของ ประเทศไทย หนึ่งในนั้นก็คืออำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยในการยกพลขึ้นบกครั้งในครั้งนั้นประเทศไทยก็ไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ กำลังทหารและตำรวจได้ทำการต่อสู้เพื่อป้องกันรักษาอธิปไตยประเทศ จนทำให้ทหารฝ่ายญี่ปุ่นเสียหายเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่ทหารญี่ปุ่นนั้นมีทั้งจำนวนคนและอาวุธที่เหนือกว่า ทำให้พวกเขาสามารถบุกฝ่าขึ้นมายังชายฝั่งของไทยได้ โดยหนึ่งในตำนานที่เล่าต่อกันมานั่นก็คือ ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก และเอาชนะกำลังทหารและตำรวจที่ชายฝั่งไทยขึ้นมาได้ ก็ได้เดินทางโดยรถไฟผ่านมายังบริเวณสะพานบ้านน้ำน้อย โดยมันเป็นสะพานสำหรับรถไฟข้ามแม่น้ำ ซึ่งเหล่าทหารตำรวจรวมทั้งชาวบ้านที่เหลืออยู่ได้นำกำลังมาวางดักซุ่มรอโจมตีอยู่บริเวณดังกล่าว โดยได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เหมืองหินทำการระเบิดรางรถไฟเสียให้ขาดพังเสียหายไป เพื่อไม่ให้ทหารญี่ปุ่นใช้ขบวนรถไฟเดินทางลึกเข้ามาในไทยได้มากกว่านี้…

0 Comments