ผีในกระจก ส่องความจริงที่ซ่อนอยู่

ผีในกระจกอาจจะเป็นเรื่องราวที่หลายๆ คนเคยได้ยินและรู้จักจากในนิยาย ที่ได้แต่งเติมเรื่องราวให้น่าพิศวงและชวนหวาดกลัว แต่เรื่องราวในครั้งนี้ที่จะเล่าให้กับทุกคนได้ทราบ บอกเลยว่ามันมาจากเรื่องจริง ดิฉันได้ทำงานอยู่ที่ในกรุงเทพฯ เป็นพยาบาลที่ได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลประจำตัวเมืองของภาครัฐ ที่เรียกได้ว่าขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก นั่นก็คือโรงพยาบาลแห่งนี้มีคนตายทุกวัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร แต่สิ่งที่น่าตกใจในอาชีพพยาบาล จะต่องมีเรื่องหลอนๆ ในครั้งนี้ก็ได้เจอกับตัวเองในการพักผ่อนและการเข้าเวรกะดึกเจอดีเข้ากับตัว   เรื่องราวเกี่ยวกับกระจกและสิ่งที่ไม่อยากจะเห็น  ในช่วงวัน ศุกร์ที่ 13 เดือน 9 ปี 2567 ต้องขอบอกเลยว่าเป็นวันที่ ฉันได้เข้าเวรกับรุ่นน้องที่เป็นผู้ชายอีก 2 คนและเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน เขาจะมีหน้าที่คอยลาดตระเวนรอบๆ และฉันก็มีหน้าที่ผลัดเปลี่ยนเดินวนรอบโรงพยาบาลในโซนของห้องฉุกเฉินและผู้ป่วย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติในสายตาของทุกคน ช่วงนั้นหลายสิ่งหลายอย่างก็ได้เกิดขึ้น…

0 Comments

เสียงกระซิบจากความมืดเรื่องเล่าผีในคืนที่เงียบสงัด

เสียงกระซิบและลมหายใจที่แผ่วเบา อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยหลอกหลอนจิตใต้สำนึกของใครหลายๆ คนก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะผู้ที่อารมณ์แปรปรวนและอ่อนไหว คุณอาจจะเป็นคนแรกๆ ที่สามารถสื่อถึงสิ่งเหล่านี้ได้และสามารถทำให้ความหวั่นวิตกของคุณกลายเป็นความจริง เรื่องราวของสองพี่น้องที่อยากลองของ    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง มี 2 พี่น้อง ที่เป็นผู้หญิงวัยรุ่น เธอนั้นสนใจไปยังบ้านร้าง จากการได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาอย่างเลือนลาง แต่ก็มีหลายคนเอ่ยอย่างจริงจังว่า ที่นี่มีความเฮี้ยนอยู่ในระดับที่ทำให้หลายคนหวาดผวาได้เลย เธอได้ก้าวเข้าไปในบ้านหลังนั้นทั้งสองคน คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนานแต่ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ และเลือนรางมาจากด้านหลัง เธอจึงได้สาดไฟฉายส่องกลับไปในทันที แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอนั้นคิดที่จะถอยหลัง เธอเดินหน้าเข้าไปด้วยใจที่รู้สึกหวาดกลัวและตื่นเต้น เธอได้ยินเสียงดังมาจากด้านบนของบ้านร้าง เหมือนกับมีวัตถุอะไรถูกลากผ่านไป เธอจึงรีบวิ่งตามไปในทันทีและสิ่งที่เธอได้พบก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดมาก เธอได้เจอกับโต๊ะที่ค่อยๆ ขยับไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นอยู่ข้างๆ…

0 Comments

ขับรถมาตั้งไกล

ขอสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน และยินดีที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งกับตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูติผีและวิญญาณ เรื่องราวลี้ลับที่ยังไม่อาจหาขอพิสูจน์ได้ หนึ่งในตำนานที่เราจะขอหยิบยกมาถ่ายทอดในบทความนี้ ก็จะขอเล่าถึงการเดินทางอันไกลแสนไกลแต่ใกล้นิดเดียวของชายคนหนึ่งกัน เรื่องเล่าของเราในวันนี้เกิดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เราจะขอสมมุตินามตามท้องเรื่องให้กับเขาว่า “คุณยอด” โดยคุณยอดเป็นชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบปี ที่มีนิสัยห่าม ๆ เชื่อในวิทยาศาสตร์และไม่เคยเชื่อในเรื่องภูติผีและวิญญาณมาก่อนนั้นเลย และโดยเฉพาะศาลเจ้าต่าง ๆ ที่คุณยอดได้เห็นข้างทาง เขานั้นไม่เคยสนใจเลย มักจะขับรถยนต์เลยไปเลยแม้ว่าจะเคยได้ยินว่าควรจะบีบแตรทักทายเป็นการให้ความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ๆ เสียก่อน จนอยู่มาวันนี้คุณยอดมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดจากเมืองของตนเองไปยังจังหวะข้างเคียง และเขาได้เลือกเดินทางด้วยรถยนต์ผ่านเส้นทางที่ต้องขึ้นเขาแห่งหนึ่ง และที่บริเวณถนนเส้นนั้นจะมีด้านตรวจถาวรและป้อมตำรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งนั้น ภายหลังจากผ่านด้านตรวจมาเล็กน้อยเขาก็มองเห็นศาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนน โดยเป็นศาลของ “เจ้าพ่อ ...” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องที่แห่งนั้นที่มีคำล้ำลือถึงความเฮี้ยนแรงกล้า ซึ่งเขาก็เผลอพูดออกมาว่าศาลอะไรไม่รู้จากนั้นก็ขับรถเลยไปแบบไม่สนใจใยดีอะไร หากแต่เรื่องราวน่ากลัวก็เกิดขึ้นกับเขาเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็คือ คุณยอดที่ขับรถยนต์ไปข้างหน้าตามทางเรื่อย ๆ…

0 Comments

เงาในกระจก เสียงกระซิบในป่าช้า

สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักเกี่ยวกับเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่โด่งดังมากในภาคเหนือ จากเงาในกระจกในเวลากลางคืนที่มหาวิทยาลัยภาคเหนือ ถือว่าเป็นเรื่องที่โด่งดังมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของรุ่นพี่ที่ต้องการรับน้องใหม่ในการเดินผ่านทางป่าช้าในยามวิกาล เหตุการณ์เหล่านั้นก็นับว่าเป็นเรื่องท้าทายจิตใจ แน่นอนว่าหลายๆ คนนั้นก็คงจะคิดว่าเป็นเรื่องราวเหลวไหลและไม่มีความน่าเชื่อถือโดยเฉพาะการไปเยือนสถานที่ตามจุดบอกเล่าที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน นี่ก็คือสิ่งที่ผมนั้นได้ประสบพบเจอมากับตัว สวัสดี ผมเป็นนักศึกษาปี 1 ที่ได้มีโอกาสเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงรายที่ภาคเหนือ เรื่องนี้ขอบอกเล่าจากประสบการณ์ของตัวเองที่ได้พบเจอ จากการ รับน้องสุดพิสดาร ที่ได้พบเจอของดีที่เกินกว่าการรับน้องปกติทั่วไป สิ่งที่พวกเราทุกคนได้เจอนั้นเป็นความลี้ลับของการต่อแถวเดินเข้าป่าช้า ด้วยการถือกระจกนำหน้า สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมได้พบเจอกับเรื่องราว ที่ทำให้ความคิดเกี่ยวกับการรับน้องใหม่ดูมีความเป็นความตายขึ้นมาทันที เรื่องเล่าจากเหตุการณ์หลอน  ในช่วงเวลารับน้องในตอนนั้น ผมจำได้ว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน รุ่นพี่ส่วนใหญ่ต่างก็ได้ชักชวนให้รุ่นน้องเข้าแถว 5 คนเดินต่อแถวกัน ด้วยการจับสายสิญจน์เอาไว้ แล้วใช้การเดินต่อขบวนแบบรถไฟ ทุกคนนั้นจะถูกสั่งเอาไว้ว่าห้ามเงยหน้าขึ้นมามองข้างหน้าโดยเด็ดขาด…

0 Comments