Blog

ขอสวัสดีทุกท่านและยินดีที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งกับแฟน ๆ ผู้ชื่นชอบเรื่องราวความลึกลับ สยองขวัญ และน่ากลัว ภูตผีวิญญาณ อันว่าความตายนั้นมักอยู่ใกล้ตัวเราอยู่เสมออย่างไม่คาดคิดด้วยในวันนี้เราจะขอเสนอเรื่องเล่าเกี่ยวกับอีกหนึ่งกลุ่มบุคคลที่มักจะเข้าไปพัวพันหรือใกล้ชิดกว่าความตายในชื่อเรื่อง “ผมเก็บแล้วพี่” ซึ่งเรื่องราวของเราในตอนนี้จะเป็นเรื่องราวที่ย้อนกลับไปไม่กี่ปีและเกิดขึ้นจากคำบอกเล่าของคุณพี่ท่านหนึ่งซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยหน่วยหนึ่ง แน่นอนว่านอกจากมีหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือกู้ภัยฉุกเฉินกรณีเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายต่อชีวิตของประชาชนทั่วไปแล้ว กรณีที่มีการเสียชีวิตของประชาชนในบ้านพักอาศัยและเจ้าพนักงานตำรวจรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบแล้วหน้าที่ต่อไปก็ย่อมจะเป็นหน้าที่ของมูลนิธิกู้ภัยทั้งหลายที่ต้องเข้าไปช่วยจัดเก็บศพผู้เสียชีวิต และวันที่เกิดเหตุเองก็เป็นอีกวันหนึ่งที่คุณหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินของมูลนิธิแห่งนี้ได้รับทราบการประสานเข้ามาว่า ขอให้ไปช่วยเก็บศพของเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่พบเจอกับปัญหาชีวิตและตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการผูกขาดตายภายในบ้านของตนเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในขณะที่รับแจ้งเหตุคุณหนึ่งเองติดธุระอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุจึงได้โทรศัพท์แจ้งลูกน้องอีก 2 คน ให้ช่วยเดินทางไปยังสถานที่บ้านที่เกิดเหตุเพื่อทำการเก็บศพก่อน หากแต่เมื่อคุณหนึ่งไปถึงกลับพบว่าลูกน้อง 2 คน เอาแต่นั่งกินน้ำพูดคุยอะไรกันก็ไม่รู้กับเจ้าของบ้าน ไม่ได้ขึ้นไปทำการเก็บศพ คุณหนึ่งที่ได้รับทราบแล้วว่าศพอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านหลังนี้จึงได้เดินขึ้นไปเพื่อจะจัดการเก็บศพด้วยตนเองโดยไม่สนใจรุ่นน้องผู้อู้งาน ขึ้นไปชั้น 2 ก็มองเห็นห้องหนึ่งเปิดประตูอ้าเอาไว้มิได้ของผู้เสียชีวิตใส่ชุดนักเรียนติดกับเชือกที่ผูกกับพัดลมเพดานในห้องนอนของตนเอง คุณหนึ่งมองภาพดังกล่าวก็ได้แต่ถอดถอนใจเดินไปเพื่อจะทำการปลดเชือกลงมาและทำการเก็บศพ…

ว่ากันว่าเรื่องราวสยองขวัญมักจะเกิดกับคนได้ทุกเพศทุกวัย บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลใดมารองรับว่าปรากฏการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใด เพราะบางทีก็มีข่าวว่าผู้ทำไม่ดีผิดศีลธรรมถูกผีหลอกวิญญาณหลอนเพื่อเป็นการลงโทษ แต่ในบางกรณีปรากฏการณ์เหล่านี้ก็เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนดีหรือผู้บริสุทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเรื่องเล่าของเราในตอนนี้เกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งย้อนไปในอดีตเมื่อครั้งเขาอายุไม่ถึง 10 ปี ชื่อ “น้องเอ” เขาเป็นเด็กที่เกิดอยู่ในชนบทแถวจังหวัดที่ติดเขตแนวป่าในประเทศไทย ทำให้บ่อยครั้งมักจะถูกสอนให้รู้จักการเข้าไปเก็บของป่าและอาหารอย่างที่สำหรับประชาชนคนที่อยู่อย่างยากจนต้องดิ้นล้นเอาชีวิตรอดกัน โดยในวันดังกล่าวน้องหนึ่งได้เข้าไปหาของป่ากับครอบครัว เพราะในสมัยนั้นต้องสามารถฝึกเอาชีวิตรอดและช่วยงานบ้านได้ตั้งแต่เด็ก และเป็นสิ่งที่จำเป็นของคนในชนบทยุคนั้น ด้วยเหตุนี้เอง น้องเอจึงได้มีโอกาสเข้าไปร่วมหาของฝากกับพ่อและแม่ตนเอง ตอนแรกที่เข้าไปในป่าสิ่งที่น้องเอรู้สึกมีเพียงความตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ไปพบเจอสิ่งใหม่ ๆ หากแต่พอค้นหาของป่ามาทั้งวัน ท้องฟ้าก็มืดครึ้มทำให้ครอบครัวของน้องเอตัดสินใจรีบออกจากป่าบริเวณดังกล่าวเพื่อป้องกันอันตรายในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม ก่อนจะออกจากแนวป่าอยู่ ๆ ฝนก็ตก ลมพัดรุนแรงทำให้พ่อกับแม่และคนที่เข้าไปในป่าในกลุ่มเดียวกันต้องรีบมองหาที่หลบฝนจนรู้สึกตัวอีกครั้งน้องเอก็หายไปจากคณะหาของป่าในวันนั้น ส่วนทางด้านน้องเอหลังจากพลัดหลงกับครอบครัวและคณะเดินหาของฝาก ก็เดินร้องไห้มองหาพ่อและแม่ตนเองไปทั่ว ยิ่งเดินก็ยิ่งหลงหาทางออกจากป่าไม่ได้ ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงทัก…

ขอสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านและยินดีที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวสยองขวัญ ลึกลับภูตผีและวิญญาณ โดยในบทความที่ผ่านมาเราได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของตำนานผีคุณยายไฮสปีด ซึ่งว่ากันว่าเป็นผีของคุณยายที่เสียชีวิตจากการถูกแก๊งมอเตอร์ไซค์ชนเอาจนกลายมาเป็นวิญญาณแค้นกันมาบ้างแล้ว ในบทความนี้เราจึงขอนำเสนออีกหนึ่งตำนานผีที่ดูจะคล้ายคลึงกันในชื่อเรื่อง “นักวิ่งลมกรด” โดยเรื่องราวของเราในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ถนนเส้นหนึ่งในภาคเหนือ ว่ากันว่าผู้เล่าเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทมิตรสหายที่รวมกลุ่มไปเดินทางท่องเที่ยวแถวภาคเหนือกัน โดยเนื่องจากไปเป็นกลุ่มใหญ่จึงได้ตัดสินใจเอารถยนต์สลับกันขับขึ้นเหนือไปท่องเที่ยวด้วยตนเองเพื่อความสะดวกกับการเดินทาง โดยหลังจากตะลุยแวะท่องเที่ยวในเส้นทางเส้นทางหนึ่งจนพอใจแล้วพวกเขาก็ค่อย ๆ ขับรถไปยังเส้นทางหนึ่งในยามค่ำคืนเพื่อเดินทางไปยังที่พัก ซึ่งพวกเขาไม่รู้หรอกว่ามีความสยองขวัญรอคอยอยู่ระหว่างทาง ขณะนี้เองหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มที่นั่งอยู่ทางด้านหลังรถก็หันไปมองด้านข้างบริเวณด้านซ้ายไปทางด้านหลังของรถยนต์คันนี้ซึ่งควรจะเป็นป่าข้างทาง มันปรากฏร่างของหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งร่างกายเปลือยเปล่ากำลังวิ่งตามรถยนต์ในท่วงท่าที่คล้ายกับกำลังขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง หากแต่เพื่อนผู้ชายที่กำลังขับรถยนต์อยู่นั้นทำท่าเหมือนมองไม่เห็นผู้หญิงคนนี้และยังคงขับรถต่อไปจนเธอต้องตะโกนบอกว่าหยุดรถก่อนมีคนขอความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม เพื่อนผู้ชายที่กำลังขับรถอยู่ก็ไม่ยอมหยุดรถแถมยังค่อย ๆ เหยียบเรื่องความเร็วขึ้นอีก จนผู้หญิงอีก 2 คน ที่นั่งอยู่ด้านหลังรถช่วยตะโกนบอกว่าหยุดรถสิ หากแต่คนขับรถก็มีเสียงตอบออกมาว่าพวกเธอมองดูที่ไมค์รถยนต์สิ เพื่อนคนอื่น ๆ จึงหันไปมองเข็มแสดงความเร็วรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง…

ขอสวัสดีทุกท่านและยินดีต้อนรับที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวสยองขวัญ ลี้ลับ ผีและวิญญาณ สำหรับบทความของเราในตอนนี้อยากขอเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศกันบ้างในชื่อเรื่อง “ทางหลวงสยองขวัญ” โดยเรื่องราวของเราจะขอกล่าวถึงถนนในเส้นทางหลวงแห่งหนึ่งของต่างประเทศ โดยว่ากันว่าถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนนอันแสนอันตรายในเวลายามค่ำคืน มักจะมีผู้เสียชีวิตได้สูญหายโดยปริศนาไม่ทราบสาเหตุหากขับผ่านถนนเส้นทางนี้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ว่ากันว่ามาจากคำบอกเล่าของผู้ที่ประสบพบเจอเรื่องราวสยองขวัญเช่นนี้ โดยคืนนี้มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมีเหตุจำเป็นต้องขับรถยนต์เดินทางโดยผ่านเส้นทางถนนหลวงเส้นนี้ในยามค่ำคืน มันเป็นเส้นทางระยะไกลอันแสนมืดมิด หากแต่ในขณะเดียวกันก็มักจะพบเห็นรถเป็นสายตรวจของตำรวจออกวิ่งลาดตระเวนในถนนเส้นนี้อยู่บ่อยครั้ง เหตุผลนั้นก็เพราะมักมีการได้รับบาดเจ็บ การเกิดอุบัติเหตุปริศนา และการเสียชีวิตที่หาคำตอบไม่ได้ โดยก็มีข่าวออกมาว่าเกิดจากสัตว์ร้ายปริศนาออกอาละวาด ซึ่งหลังจากขับรถมาได้ประมาณกึ่งกลางเส้นทางอยู่ ๆ รถยนต์ของสามีภรรยาคู่นี้ก็เกิดเสียและดับกลางทาง ภายหลังจากพยายามซ่อมแซมด้วยตนเองแล้วก็ไม่สามารถทำให้รถยนต์ตนเองติดขึ้นมาได้ ฝ่ายสามีจึงตัดสินใจบอกให้ภรรยานั่งรออยู่ในรถโดยล็อครถให้เรียบร้อย เขาจะรีบเดินไปขอความช่วยเหลือ หลังจากนั้นสามีก็เดินออกจากรถหายไปตามเส้นทางพักใหญ่ ส่วนฝ่ายภรรยาที่นั่งรออยู่ในรถก็มักจะได้ยินเสียงปริศนาก๊อกแก๊กจากข้างทางซึ่งเป็นป่าอันแสนมืดมิดอยู่ ทันใดนั้นเองอยู่ดี ๆ ก็มีแสงไฟสาดส่องเข้ามาที่รถคันนี้ทำเอาผู้เป็นภรรยาสะดุ้งตกใจ แต่มองดี ๆ  …