Blog

ขอสวัสดีทุกท่านยินดีที่ได้กลับพร้อมกันอีกครั้ง สำหรับปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่ามีหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ผุดขึ้นมากมายเป็นดอกเหตุทั่วกรุงเทพมหานคร หากแต่ย้อนกลับไปในอดีตยุคหนึ่งอสังหาริมทรัพย์ก็เคยเฟื้องฟูมาแล้ว และก็เป็นที่มาเรื่องที่ชื่อว่า “บ้านอยู่ซอยวัชรพล” ย้อนกลับไปประมาณ 20 กว่าปีก่อนในช่วงที่เศรษฐกิจของประเท ค่อนข้างจะบูมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจฟองสบู่แตกก็ทำให้ธุรกิจหลายธุรกิจล้มละลายลงไปรวมทั้งโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั้งหลายที่กำลังเริ่มขยายตัวก่อสร้างก็ต้องล้มพับลงตามไปด้วย โดยบริเวณซอยวัชรพลก็เป็นซอยที่มีโครงการบ้านจัดสรรเริ่มก่อสร้างผุดขึ้น และแน่นอนว่าพอเศรษฐกิจล่มก็ทำให้เกิดบ้านร้างมากมายจากการที่เจ้าของไม่มีเงินจะมาผ่อนหรือมาซื้อเอาไว้ได้อีกต่อไป มีเพียงป้ายยึดหรือประกาศขายจากธนาคารเอาไว้มากมาย แถมยังมีเรื่องร่ำลือว่าในท้ายหมู่บ้านของซอยวัชรพลหมู่บ้านหนึ่งปรากฏคนเคยพบศพของพนักงานขับรถแท็กซี่ที่ถูกจ้างให้ไปส่งในหมู่บ้านดังกล่าวและถูกฆ่าชิงทรัพย์ไปเป็นหลายคดี พี่โชเฟอร์แท็กซี่คนหนึ่งขอเรียกชื่อสมมุติว่า “พี่เอก” ได้ออกมาขับรถแท็กซี่แล้วก็ได้มีคุณสุภาพสตรีคนหนึ่งได้โบกรถของเขา ให้ไปส่งในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยวัชรพล ภายหลังจากขับรถเข้ามาในซอยดังกล่าวและวิ่งเข้าไปพักใหญ่ ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่าในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงฟองสบู่แตกได้ไม่นานทำให้ซอยดังกล่าวยังไม่ฟื้นคืนจากเศรษฐกิจและไม่ได้มีหมู่บ้านมากมายหรือมีไฟส่องสว่างมากเท่าทุกวันนี้ พอขับไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งมืดมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายในใจพี่เอกคนขับแท็กซี่ของเราก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นทุกที หรือตนเองจะถูกหลอกไปปล้นเหมือนตามข่าวที่มีออกมาก่อน แต่ด้วยความที่จำเป็นต้องหาเงินเข้าบ้านและเศรษฐกิจแบบนี้อย่างไรก็จำเป็นต้องเสี่ยง หลังจากขับรถไปตามทางที่ลูกค้าหญิงสาวบอกว่าเข้าไปในหมู่บ้านไหนครับและตรงเข้าไปเรื่อย ๆ…

เรื่องราวลึกลับสยองขวัญ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับโลกหลังความตายกันเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่มีผู้คนที่ชอบอยู่ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะในอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็มักมีเรื่องราวเกี่ยวกับผีมาเล่าสู่กันฟังอยู่บ่อยครั้ง โดยเรื่องราวของวันนี้ขอนำเสนอมีชื่อว่า “ปราสาทโบราณกลางป่า” ด้วยเรื่องราวของเราต้องเล่าย้อนกลับไปแล้วหลายสิบปี ซึ่งผู้เล่าเราจะขอตั้งชื่อไว้ว่า “คุณหนึ่ง” กับพวกอีกประมาณ 5 คน ได้ออกไปเดินป่าเพื่อออกสำรวจโบราณสถานแห่งหนึ่งกัน ซึ่งหากจะพูดถึงชื่อนี้ในปัจจุบันก็คงบอกว่ามันเป็นปราสาทโบราณที่ตั้งอยู่บนเขาชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศไทย หากกล่าวชื่อไปแล้วทุกคนต้องร้องว่าจำได้ในทันที แต่หากย้อนกลับไปในช่วงเวลาหลายสิบปีนั้นมันเป็นบริเวณที่มีป่าหนาทึบและเข้าถึงยากเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าในกลุ่มเดินเข้าป่าหรือเวลาไปไหนก็มักจะมีสัก 1 คน ที่จะเป็นตัวเปิดเรื่องสร้างประเด็นหรือปากเสีย ปากไว ไม่ว่าใครจะเตือนอะไรเอาไว้ก็มักจะก่อเรื่องอยู่เสมอชื่อว่า “คุณสอง” เป็นหนุ่มเมืองกรุงที่เรียกว่าไม่ใช่เชื่อเรื่องผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาเสียเลย ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าทางมาถึงกลับใกล้บริเวณปราสาท อยู่ ๆ คุณสองก็ปากเสียพูดสิ่งที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับประสาทดังกล่าว มองว่าปราสาทโบราณสถานเก่าแก่ก็เป็นเพียงซากอิฐที่ถูกสร้างนับร้อยนับพันปีจนพังทิ้งร้างไว้ก็เท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรคอยปกปักรักษาในเรื่องราวอาถรรพ์ให้ต้องหวาดกลัวแต่อย่างใด พอเขากล่าวไปแบบนั้นอยู่ดี…

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องราวโลกหลังความตาย รวมทั้งเรื่องปริศนาลึกลับ ภูตผี และวิญญาณแปลกประหลาดทั้งหลาย ก็ขอสวัสดีและยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเจอกันอีกครั้ง โดยเรื่องราวลี้ลับสยองขวัญของเราในวันนี้จะขอเปลี่ยนไปเล่าเรื่องราวลึกลับของต่างประเทศกันบ้างในเรื่องที่ชื่อว่า “ถ้ำปริศนากับแอเรีย 51” โดยเรื่องราวของเราในวันนี้เป็นเรื่องจากฟากฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับ UFO ก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้วสำหรับสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ชื่อ “แอเรีย 51” ที่เคยมีตำนานเรื่องเล่าข่าวลือว่ากันว่าครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนมี UFO ตกและได้ถูกนำทำการวิจัยในฐานทัพลับอย่างแอเรีย 51 นี้ แถมถึงขั้นมีเทปการผ่าตัดพิสูจน์ซากศพมนุษย์ต่างดาวอีกต่างหาก โดยในปัจจุบันฐานทัพที่ชื่อว่าแอเรีย 51 ก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วว่า เป็นฐานทัพที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องบินรบรวมทั้งอาวุธต่าง ๆ ที่มีความลับสูงของประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง ซึ่งเรื่องราวของเราในวันนี้เกิดกับยูทูปเปอร์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นนักทำช่องสายเดินป่าผจญภัยไปยังที่ต่างๆ ซึ่งเราขอสมมุติชื่อเขาว่า “มิสเตอร์เอ”…

ขอสวัสดีทุกท่านและยินดีที่ได้กลับมากันอีกครั้งกับเรื่องราวลึกลับสยองขวัญ  ภูตผี ปีศาจ และวิญญาณ สำหรับบทความของเราในวันนี้ขอเสนอความขนลุกขนพองสยองเกล้ากับชื่อตอน “ขบวนขันหมากยามดึก” โดยเรื่องราวของเราจะขอกล่าวถึง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสกลับไปบ้านเกิดตนเองที่อยู่ในชนบทแห่งหนึ่งของประเทศไทย หลังจากที่อยู่ในกรุงเทพฯมานาน เหตุผลนั้นก็เพราะถูกโทรศัพท์ตามตัวไปร่วมงานแต่งของญาติที่สนิทกัน จึงจัดแจงลางานพร้อมกับเดินทางกลับไปถึงยังบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งก็ต้องขอบอกก่อนว่าเส้นทางไปยังหมู่บ้านของเขาค่อนข้างจะทุรกันดารและห่างไกลกับตัวเมืองเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการพูดคุยก็ได้ทราบข่าวว่าญาติฝ่ายหญิงของเขานั้นได้ไปพบรักกับเจ้าบ่าวตอนที่เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯเช่นเดียวกัน และทั้งสองผู้สมัครรักใคร่สมัครสมานสามัคคีกันมานานหลายปีแล้ว จึงได้ตัดสินใจจัดงานแต่งขึ้นโดยฝ่ายชายจะยกครอบครัวมาทำพิธีสู่ขอตามประเพณีให้ถูกต้อง เพียงแต่ว่าวันที่ผู้เล่าได้เดินทางไปถึงนั้นเป็นวันก่อนหน้ากำหนดการเพียงไม่กี่วัน พอถึงวันงานก็ตื่นแต่เช้าไปช่วยจัดสถานที่เตรียมงานกัน ซึ่งตามกำหนดการแล้วขบวนรถตู้ของฝ่ายเจ้าบ่าวจะมาถึงในช่วงประมาณเช้าใกล้กับเวลาเริ่มพิธีกันในทันที แม้ว่าจะดูบีบเวลากันมากไปสักหน่อย แต่เพราะเจ้าบ่าวเองก็มีภาระหน้าที่เป็นอันมากและจะต้องรอญาติพี่น้องมาให้ครบทำให้จำต้องมาด้วยเวลาใกล้เคียงกับงาน แต่แล้วพอถึงกำหนดเวลากลับปราศจากขบวนงานแต่ง อีกทั้งโทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถติดต่อได้ เวลาล่วงเลยไปนานหลายชั่วโมงจนเข้าช่วงดึกญาติพี่น้องของเจ้าสาวและผู้มาร่วมงานก็ได้ทอดถอนใจว่าในงานนี้เจ้าสาวอาจจะกลายเป็นหม้ายขันหมากไปแล้วก็เป็นได้ แต่แล้วในที่สุดขบวนรถตู้ของเจ้าบ่าวก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นพร้อมกับโทษขอโพยโดยบอกว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางนิดหน่อยทำให้การเดินทางล่าช้า ซึ่งไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรก็ตาม มาช้ายังดีกว่าไม่มา เพราะญาติฝั่งเจ้าฝั่งสาวรวมทั้งเจ้าสาวเองก็น่าจะถอนถอนใจไปแล้วก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะล่าช้ามานานหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ตัดสินใจจัดพิธีแต่งงาน ตั้งขันขบวนหมากผูกข้อข้อมือกันให้เรียบร้อยกว่าจะเสร็จก็ดึกดื่น…