เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของผมที่เรียกได้ว่าเกิดขึ้นเพราะความปากหมา ผมได้ไปกับครอบครัวของตัวเองไปทำบุญที่วัด แต่ผมเป็นคนที่ดื่มเหล้าหนักมาก แถมยังมีนิสัยที่โผงผาง จึงทำให้ญาติๆ ให้ผมรออยู่ข้างล่างนั่นเอง ผมก็นั่งกินเหล้าขาวอยู่เช่นเคย บริเวณข้างวัดก็มีที่เก็บกระดูกเป็นจำนวนมาก อีกสักพักหนึ่งก็มีป้าแกเดินมาตามผมก็ลุกขึ้นมา บริเวณตรงนั้นมีที่เก็บกระดูกของหญิงสาว
สวมใส่เสื้อผ้าเสื้อสีแดงและมีเสื้อข้างนอกสีชมพู เป็นรูปของเธออยู่ที่หน้าเก็บกระดูกตรงบริเวณนั้นพอดี ด้วยความเมาผมเลยพูดว่า สวยขนาดนี้ไม่น่าตายเลย แล้วก็กล่าวออกไปว่า เป็นเมียพี่ไหมจ๊ะ ป้าแก่ตกใจเป็นอย่างมาก ด่าผมว่าปากหมาเดี๋ยวโดนหักคอแน่มึง แต่เรื่องแบบนั้นผมก็ไม่คิดอะไรมาก หารู้ไหมว่าหลังจากนั้นประมาณ 3 – 4 วัน ก็เกิดเรื่องประหลาดเกิดขึ้น นั่นก็คือเรื่องสุดสยองที่ผมได้ไปท้าทายกลับกลายที่ต้องมาพบเจอกับเรื่องสุดเฮี้ยน ที่ทำให้ผมเองก็เกือบที่จะได้ตายจริง เกือบไม่มีชีวิตรอดในช่วงครบ 7 วัน
เรื่องสยองของพี่สาวที่เป็นแม่หม้าย
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ผมเล่าก่อนหน้านี้ ผมนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้วในมุ้ง ผมรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนมีเงาดำๆ อยู่บริเวณปลายเท้าฝั่งซ้ายมือ ที่ปกติไม่มีอะไรวางอยู่ เพราะว่าอยู่ใกล้ประตูทางออก ผมปูที่นอนกับพื้นแล้วมักจะนอนเปิดประตูอยู่เป็นประจำ
ในคืนนั้นมีฝนตกฟ้าแลบเบาๆ ประกายจากแสงสว่างภายนอกส่องเข้ามา ผมได้ชะงักเห็นเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่ผมเคยไปพูดลบหลู่ เธอบริเวณหน้าป้ายที่เก็บกระดูกบริเวณข้างรั้ววัด ตอนนั้นผมขนลุกทั้งตัวและรู้สึกหวาดกลัวอย่างจับใจ เธอเริ่มโน้มตัวลงมาด้านข้าง ด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นเน่าเฟะ
เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องในทันทีในช่วงนั้นและทุกอย่างก็เริ่มชาไปหมด นี่สินะที่เรียกว่าผีอำ ที่เขาร่ำลือกันในตอนนั้น ผมพยายามหายใจและนึกถึงพระนึกถึงพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมได้ จู่ ๆ เธอก็ยกขาจากที่อยู่ข้างล่างแล้วลุกขึ้นยืนในทันใด เหยียบกลางหน้าอก ผมหายใจแทบไม่ได้ ได้แต่ตะเกียกตะกายและคว้าโต๊ะข้างๆ ที่เป็นที่วางตลับให้ตกลงมา
เสียงเหล่านั้นมันดังมาก จนคนที่นอนอยู่ในบ้านตื่นและเข้ามาดู ผมในตอนนั้นผมบอกว่าโดนผีอำและนำเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าให้หลวงพ่อฟัง รดน้ำมนต์ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่หายไป ผมจึงขอไปนอนที่วัดและได้อยู่ที่กุฏิหลวงพ่อนอนเฝ้าอยู่หน้าห้องของท่าน ผมใช้ชีวิตอยู่ที่วัดนั้นหลายเดือนจนถึงช่วงปีใหม่ นั่นทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่กล้าลบหลู่ใครและในปัจจุบันก็ไม่กล้ากลับไปที่บ้านของตัวเองอีกเลย