สำหรับผู้ที่เกิดมาในช่วงปลายยุค 90 มาจนถึงปัจจุบัน อาจจะคุ้นชินกับอุปกรณ์ที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่อยู่ในยุค 70-90 ตอนต้น โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะไกลตัว อุปกรณ์การสื่อสารที่ถือว่าหรูหราที่สุดสำหรับชาวบ้านทั่วไปถ้าไม่ใช่โทรศัพท์บ้าน ก็เป็นตู้โทรศัพท์สาธารณะซึ่งในปัจจุบันนับว่าจะหายากกันแล้วเพราะทุกคนต่างมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในเมือง
โดยย้อนกลับไปหลายปีก่อนหากหนุ่ม ๆ ต้องการจะโทรหาแฟน แต่บ้านของตนเองไม่มีการติดตั้งโทรศัพท์ ก็จะต้องไปยืนต่อคิวรอใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะ ในที่ใดมีตู้โทรศัพท์สาธารณะที่จำกัด หรือมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากก็ต้องยืนรอคอยต่อคิวกันเป็นแถว
โดยเรื่องเล่าของเราเกิดขึ้นกับคุณหญิง ซึ่งย้อนกลับไปในอดีตในช่วงยุคการสื่อสารด้วยตู้โทรศัพท์สาธารณะยังคงมีความจำเป็นอยู่ คุณหญิงเธอเป็นหญิงสาวแสนสวยสมวัยนักเรียนมัธยมและก็มีชายหนุ่มหลายคนมาแย่งกันขายขนมจีบ โดยชายที่ถือว่าเป็นตัวจริงและตามจีบบ่อยที่สุดนั่นก็คือชายหนุ่มที่ชื่อคุณท็อป(นามสมมุติ) โดยชายหนุ่มคนนี้นอกจากโทรศัพท์เข้ามายังโทรศัพท์บ้านของคุณหญิงอยู่เป็นประจำในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ของวัน
ซึ่งมีพยานผู้เห็นเหตุการณ์นั่นก็คือคุณลีชายหนุ่มเพื่อนซี้ของคุณท็อป ที่มักจะมาเป็นเพื่อนคุณท็อปยืนต่อคิวรอใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากยืนคอยอยู่พักใหญ่คุณลีก็ขอตัวคุณท็อปกลับบ้านก่อน หากแต่หลังจากที่เขาเดินก้าวเท้าไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเบรคดังลั่นพร้อมเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจของผู้คนแถวนั้น เมื่อหันกลับไปมอง เขาเห็นว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่งเบรคแตกพุ่งเข้าชนตู้โทรศัพท์
ซึ่งมีคุณท็อปกำลังเข้าไปใช้บริการอยู่ ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวในตู้โทรศัพท์ผมนั้นเสียชีวิตคาตู้โทรศัพท์ส่วนคนอื่นก็บาดเจ็บหนักเบาแตกต่างกันไป ข่าวการเสียชีวิตของคุณท็อปสร้างความตกใจให้หมู่เพื่อนฝูงและคุณหญิงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในภายหลังคุณลีก็ได้ข่าวว่าคุณหญิงตัดสินใจขอครอบครัวย้ายไปอยู่กับญาติที่บ้านหลังอื่น เหตุผลนั่นก็เพราะ ทุกเวลา 20.00 น ของทุกวัน โทรศัพท์ประจำบ้านของเธอก็ยังคงดัวงตามเวลาปกติ และถ้ามีคนยกหูโทรศัพท์ขึ้นก็รับก็จะมีเสียงบอกว่า “ขอสายหญิงด้วยครับ” และเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของคุณท็อป
และแม้ว่าทางบ้านจะตัดสินใจเรื่องสายเชื่อมต่อโทรศัพท์ออกก็ตาม แต่โทรศัพท์เครื่องนั้นก็คงอย่างดังตรงตามเวลา 20.00 น ของทุกวันอยู่เสมอนั่นเอง จนพวกเขาตัดสินใจย้ายโทรศัพท์ออกไปและไม่ติดตั้งโทรศัพท์บ้านอีก พร้อมกับที่คุณหญิงย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ในขณะเดียวกันก้มีหลายคนเล่าว่า เคยมีคนที่อื่นเดินผ่านมาแถวตู้โทรศัพท์ที่เคยเกิดเหตุและเห็นว่ามีตู้โทรศัพท์ตั้งอยู่และมีชายหนุ่มคนกำลังเข้าไปใช้งานอยู่ หากแต่ในความจริงแล้วนับแต่ที่เกิดเหตุขึ้นก็ไม่ได้มีการนำตู้โทรศัพท์มาติดตั้งในที่บริเวณนั้นอีกเลย