สำหรับแฟน ๆ ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวรวมทั้งชมภาพยนตร์เกี่ยวกับสารคดีการท่องเที่ยวและวิจัยสิ่งต่างๆ ทั่วโลกก็จะทราบกันดีว่าในปัจจุบันโลกของเราพัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวหน้านำไปไกลขึ้นไปสำรวจอวกาศบนดวงจันทร์และดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบสุริยะแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ในพื้นพิภพของเราเองก็ยังมีปริศนาอีกมากมายที่ยังคงไม่สามารถพิสูจน์และไขออกมาได้ หนึ่งในตำนานเหล่านั้นก็คือ “ตำนานปีศาจแห่งทะเลสาบล็อคเนส”
ย้อนกลับไปประมาณเมื่อปี ค.ศ. 1933 มีสามีภรรยาคู่หนึ่งขับรถผ่านเส้นทางถนนตัดใหม่ผ่านบริเวณทะเลสาบล็อคเนส ในระหว่างขับขี่ไปตามทางนั้นเองพวกเขาก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดเคลื่อนไหวอยู่บริเวณด้านข้างริมทะเลสาบ
ภายหลังจากกลับเข้าเมืองทั้งสองก็ได้ทำการถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องดังกล่าวให้กับเพื่อนบ้านและผู้ที่สนใจฟัง จนในที่สุดก็ตกเป็นข่าวดังกันทั้งในเมืองและยิ่งมีสำนักพิมพ์เอาเรื่องราวเหล่านี้ไปตีพิมพ์นำเสนอเป็นข่าว
เรื่องปีศาจแห่งทะเลสาบล็อคเนสก็ยิ่งโด่งดังไปทั่วโลก และภายหลังจากเวลานั้นก็มีการเสนอข่าวว่ามีการพบเจอสัตว์ประหลาดบริเวณทะเลสาบล็อคเนสผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แถมมีสำนักข่าวตั้งรางวัลนำจับผู้ที่สามารถจับภาพหรือจับตัวสัตว์ประหลาดที่ถูกเอ่ยถึงได้ เมื่อมีการขุดบันทึกย้อนไปว่าเคยมีนักบุญแห่งคริสตจักรคนหนึ่งได้เคยมาทำการทำพิธีปราบปีศาจที่ทะเลสาบแห่งนี้
และปีศาจที่ว่าอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวเดียวกันหรือชนิดเดียวกันกับที่มีผู้คนพบเจอก็เป็นได้ เรื่องราวโด่งดังมากขึ้นไปอีกเมื่อมีคนถ่ายภาพเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ทำให้ในช่วงเวลานั้นทะเลสาบล็อคเนสได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก แม้จะน่าเสียดายที่หลายสิบปีต่อมาคนที่ถ่ายภาพจะมาสารภาพว่าภาพที่ถ่ายนั้นเป็นการจัดทำขึ้น ไม่ได้ถ่ายติดเจ้าสัตว์ประหลาดจริงๆ นอกจากนี้ในบริเวณทะเลสาบก็มีปราสาทโบราณแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ทำให้การจินตนาการแต่งเติมไปว่าที่ใต้ปราสาทหลังนี้อาจมีอุโมงค์ให้เจ้าสัตว์ประหลาดชนิดนี้อาศัยหลบซ่อนอยู่ จนได้เคยมีผู้สร้างภาพยนตร์นำเรื่องราวดังกล่าวมาสร้างเป็นภาพยนตร์และถ่ายที่สถานที่จริงมาแล้ว
ในเวลาต่อมาเมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้นก็ได้มีนักสำรวจมากมายหลายทีมเจริญรอยตามผู้ค้นหาปีศาจแห่งทะเลสาบล็อคเนสด้วยการใช้คลื่นโซน่าค้นหาทั่วพื้นทะเลสาบ หากแต่ก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากซากหุ้นสัตว์ประหลาดล็อคเนสที่เคยถูกนำมาใช้ประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์อย่างที่เราได้กล่าวมาเท่านั้น แต่ก็ยังมีคนคิดว่าอาจมีเส้นทางน้ำใต้ดินทะลุไปอย่างแหล่งน้ำแห่งอื่นเป็นเหตุให้ค้นหาไม่เจอสัตว์ประหลาดทะเลสาบล็อคเนสจนถึงตอนนี้