เดือนรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขที่สุดในชีวิตเมื่อได้อุ้มลูกชายตัวน้อยของเธอเป็นครั้งแรกหลังคลอด น้องบีม เด็กชายที่น่ารักน่าชัง และใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับเธอ ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ แต่ความรู้สึกนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน
เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่เดือน เธอก็เริ่มสังเกตเห็นบางอย่างแปลก ๆ ในตัวลูกชายของเธอ น้องบีมดูไม่เหมือนเด็กคนเดิมที่เธอเคยอุ้มในวันแรกที่คลอด เขาดูไม่ตอบสนองต่อเธอเหมือนเด็กทั่วไปและบางครั้งดวงตาของเขาก็ดูเย็นชาและว่างเปล่า เหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน
วันหนึ่งขณะที่เดือนกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เธอสังเกตเห็นรอยแปลก ๆ ที่ต้นคอของน้องบีม รอยนี้ดูเหมือนรอยสักหรือรอยจางๆ ของสัญลักษณ์บางอย่าง เธอพยายามเช็ดมันออก แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความกังวลเริ่มเข้ามาในใจของเธอ
“นี่มันอะไรกัน?” เธอพึมพำ
คืนหนึ่ง เดือนตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงกระซิบแผ่ว ๆ ดังมาจากเตียงเด็ก เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของน้องบีม แต่เป็นเสียงที่ไม่สามารถระบุได้ มันฟังดูแปลกและน่าขนลุก เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้เตียงเด็ก เธอเห็นน้องบีมนอนอยู่ในท่าที่ผิดปกติ ดวงตาของเขาลืมขึ้นและจ้องมองตรงไปที่เพดาน โดยที่ไม่ได้กระพริบตา
“บีม?” เดือนเรียกลูกชาย แต่เขาไม่ตอบสนอง เมื่อเธอพยายามจับแขนลูกชาย ร่างของเขากลับเย็นเฉียบ เหมือนกับว่าเลือดไม่ไหลเวียนอยู่ในร่างนั้น
คืนหนึ่ง เดือนตื่นขึ้นมากลางดึกอีกครั้ง คราวนี้เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ มาจากมุมห้อง ขณะที่เธอเดินไปเปิดไฟ เธอก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นน้องบีมยืนอยู่ข้างเตียง แม้ว่าเขาจะยังเป็นเด็กทารกที่ไม่สามารถเดินได้ แต่เขายืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาดำมืดของเขาจ้องมองมาที่เธอ
“แกไม่ใช่ลูกของฉัน” เดือนพูดกับตัวเองด้วยความหวาดกลัว
ในวินาทีนั้น น้องบีมก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนหน้าของเด็กทารก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และดวงตาที่ไม่มีความบริสุทธิ์หลงเหลืออยู่
“ไม่มีใครจะเชื่อแกหรอก” เสียงอันทุ้มต่ำของชายแปลกหน้าดังออกมาจากปากของเด็กทารก ก่อนที่ด้วงตาของเดือนกับสิ่งนั้นจะถูกล็อกไว้ด้วยกัน ร่างกายของเดือนแข็งทื่อและหนาวสั่น ก่อนที่มือของเธอจะเคลื่อนไปด้วยตัวเองเพื่ออุ้มร่างของ ‘สิ่งนั้น’ ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
มือเล็กของสิ่งนั้นเอื้อมไปเปิดหน้าอกของเธอก่อนที่มันจะเริ่มลงมือกินอาหารอย่างรุนแรงจนดือนมั่นใจว่าอกของเธอกำลังมีเลือกออกจากแรงกัดอันผิดธรรมชาตินี้แน่ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีพลังใด ๆ มาขัดขืนมันได้อยู่ดีและเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าพูดไปก็คงไม่มีใครยอมฟังเธอ เหมือนกับที่หมอไม่ยอมฟังเธออยู่ดี